|
 |
ผ่อนคลาย ด้วยเทคนิค "ตายก่อนตาย"
วิถีชีวิตของคนสมัยใหม่
หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพบกับความเครียดเป็นประจำ
เพราะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาชีวิตประจำวันมากมาย
อีกทั้งระบบเศรษฐกิจสมัยใหม่เสี้ยมสอนให้คนไทยแก่งแย่งแข่งขันกัน
ทำให้ผู้คนในสังคมต่างคนก็มุ่งแต่จะแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว
ผลก็คือ สังคมไทยกลายเป็นสังคมไร้น้ำใจ
ผู้คนต่างรู้สึกแปลกแยกจากกันและกัน
แต่ละคนมีความรู้สึกว้าเหว่โดดเดี่ยว
ทั้งนี้เพราะว่าไม่มีใครสนใจที่เอื้อเฟื้อซึ่งกันและกันอีกต่อไปนั่นเอง
การที่คนเราทั้งเครียด (จากปัญหาที่รุมเร้า ) และ ทั้งโดดเดี่ยว
อ้างว้าง (เพราะไม่มีใครมาสนใจใยดี) บางทีมันก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน
ดังนั้นจึงบางคนที่อาจจะมีความคิดแวบ ๆ เข้ามาในสมองว่า
มันน่าจะฆ่าตัวตายหนีปัญหาให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย คือ ให้มันจบ ๆ
กันไปเสียที
เอาเลยครับ.. ! วันนี้ขอเสนอวิธี "ฆ่าตัวตาย" แบบใหม่
ที่ไม่เจ็บปวด ไม่น่ากลัว และ ไม่ต้องให้ใครมานั่งร้องห่ม
ร้องให้เสียอกเสียใจในการกระทำของเราในภายหลัง ประการที่สำคัญ
มันเป็นวิธีที่ทำให้คุณได้เกิดเข้าใจในความหมายของชีวิตอีกมากขึ้นเลยทีเดียว
เทคนิค "ตายก่อนตาย " คือ
กระบวนปลดปล่อยจิตวิญญาณของคุณให้เป็นอิสระจากปัญหาทั้งปวง
ทำให้คุณมีความรู้สึก เป็นอิสระ โล่งโปร่งเบา
เกิดกำลังใจที่จะลุกขึ้นเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ ที่มารุมเร้า
ต่อไปอย่างกล้าหาญ
วิธีปฏิบัติ
๑. นอนหงายลงบนพื้น เท้าแยกออกจากกันพอประมาณ
ปลายเท้าเบนออก จากลำตัว แขนแยกจากลำตัวเล็กน้อย หงายมือขึ้น
ขยับลำตัวให้สมดุลไม่ เอียงซ้ายหรือขวา
ขยับคางเข้าใกล้ลำคอเล็กน้อย
๒. หายใจเข้าออกลึกๆ ๓-๕ รอบ แล้วปิดตาลงเบาๆ
๓.
เริ่มผ่อนคลายจากปลายเท้าโดยทำความรู้สึกว่าเท้ามีน้ำหนักวางทอดบน
พื้นอย่างเป็นอิสระ
เลื่อนความรู้สึกนี้ครอบคลุมเรื่อยขึ้นมาจากน่อง ต้นขา ลำตัว แขน
มือ ลำคอ ศีรษะ หย่อนกรามลงโดยไม่เปิดปาก คลายใบ หน้า
ทำความรู้สึกว่าทั่วทั้งร่างกายวางพักลงกับพื้นอย่างสงบ
๔. รู้สึกกับลมหายใจ ปล่อยให้การหายใจเป็นไปอย่างอิสระ
เมื่อหายใจเข้า
ทำความความรู้สึกว่าอากาศบริสุทธิ์และความสดชื่นแจ่มใสเข้ามาพร้อม
กับลมหายใจเมื่อหายใจออกทำความรู้สึกว่าความเหนื่อยล้า ความตึง
เครียดต่างๆ ผ่านออกไปพร้อมกับลมหายใจ
ดำรงความรู้สึกเช่นนี้ไว้อย่าง ต่อเนื่อง
๕. นึกจินตนาการว่าร่างกายของคุณกำลังเน่าเปื่อย ผุพัง ไปทีละนิด ๆ
ทำให้คุณเห็นความจริงของชีวิตว่า
แท้ที่จริงแล้วร่างกายของคุณมันเป็นแค่เพียงยานพาหนะชั่วคราวให้คุณอาศัยดำเนินชีวิตไปเท่านั้นเอง
ดังนั้นเมื่อหมดวาระของมัน เราก็ต้องทิ้งมันไป
เพราะไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไป
๖. ในเมื่อเรากำลังจะจากโลกนี้ไป ให้นึกปล่อยละวางสิ่งต่าง ๆ
ที่เราเคย เกี่ยวข้องอยู่ในโลกนี้
โดยให้นึกว่ามันเป็นเพียงภาพของความคิดที่เรา
ยึดถึอมั่นเท่านั้นเอง นึกถึงภาพ "ตัวของฉัน" คนนี้
ที่เผชิญชีวิตหนักหนามาเป็นเวลาหลายสิบปี ว่าที่แท้ก็คือ "ภาพมายา"
อีกภาพหนึ่งเช่นเดียวกัน นึกให้ความรู้สึกว่า "ตัวฉัน" นี้ ค่อย ๆ
สลายหายไป คล้ายฟองสบู่ที่แตกกระจายจนหมดไป
เหลือแต่จิตใจที่มีแต่ความว่างเปล่า ปราศจากความรู้สึกว่า "ตัวฉัน
ของฉัน " อีกต่อไป มีแต่ความ สงบ สันติสุข
เท่านั้นที่ยังคงเหลืออยู่ (ให้นึกมโนภาพเช่นนี้ไปเรื่อยๆ
อย่างน้อย ๑๐ นาที)
๗. คืนความรับรู้ต่อสิ่งแวดล้อม ขยับเท้า ขา มือและแขนเบาๆ
ยกแขนทั้ง สองข้างขึ้นเหนือศีรษะ
ประสานนิ้วมือเข้าด้วยกันแล้วพลิกฝ่ามือหงายขึ้น
เหยียดทุกส่วนของร่างกายรวมทั้งขมวดใบหน้าแล้วคลาย พลิก
ลำตัวไปอยู่ในท่านอนตะแคงด้านในด้านหนึ่ง ลืมตาแล้วลุกขึ้น
เมื่อคุณตื่นลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
อุปมาเหมือนกับคุณได้เกิดใหม่มาอีกชาติหนึ่ง คุณจะพบว่าปัญหาต่าง ๆ
ที่คุณเผชิญอยู่มันไม่ได้หายไปไหนเลย
มันยังคงรออยู่ให้คุณแก้ไขเช่นเดิม
ดังนั้นจึงป่วยการที่คนเราจะคิดสั้น
ทำร้ายชีวิตของตนเองเพื่อหนีปัญหา
เพราะเราไม่มีทางหนีมันพ้นไปได้เลย
มีหนทางเดียวเท่านั้นคือให้คุณมีความมั่นใจในตนเองที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาต่าง
ๆ อย่างกล้าหาญ เพื่อแก้ไขให้มันลุล่วงไปด้วยดี
ด้วยสติปัญญาของคุณเอง
ประการที่สำคัญ คุณจะเข้าใจด้วยตัวเองว่า ความรู้สึกที่ปราศจาก
"ตัวฉัน" (อนัตตา) นั้น มีความสงบสุขแค่ไหน ทุก ๆ วันก่อนนอน หรือ
ตอนเช้า หากคุณได้ผ่อนคลายสลายความเครียดด้วยเทคนิค "ตายก่อนตาย"
เป็นประจำ คุณจะมีพลังใจที่จะสู้ชีวิตต่อไป
เพื่อให้ถึงฝั่งแห่งนิพพานในปัจจุบันชาติ เครือข่ายชาวพุทธ ฯ
ขอให้กำลังใจ มา ณ โอกาสนี้ครับ
หมายเหตุ * วิธีสลายความเครียด ด้วยการฝึก "ตายก่อนตาย"นี้
เป็นการประยุกต์เทคนิคการฝึกโยคะ ท่าศพ (ศวาสนะ) ประสาน
|
|